วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกล้วยไม้โสมสวลี

กล้วยไม้หวายพันธุ์ "โสมสวลี" พระนามพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ดอกมีสีม่วงครามอ่อน ออกดอกเป็นพวง และด้วยก้านช่อที่ไม่ยาวมาก จึงโดดเด่นเหมาะสำหรับเป็นกล้วยไม้ประดับ ชนิดจัดโชว์ทั้งต้นและดอก กล้วยไม้หวาย พันธุ์ โสมสวลี”  ( Dendrobium “Soamsawali” )กล้ยไม้ลูกผสม ระหว่างต้นพ่อพันธุ์ คอมแพ็คตั้ม โบตาบลู” (Dendrobium compactum BotaBlue) และต้นแม่พันธุ์ ขาวธนิดาไวท์” (Dendrobium “Thanida White”) โดยนายสวง คุ้มวิเชียร (แอร์ออร์คิดส์ &ประทานนามจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2550ดอกมีสีม่วงครามอ่อน ดอกออกเป็นพวง ด้วยก้านช่อที่ไม่ยาวมากจึงมีความเด่นที่จะเป็นกล้วยไม้ประดับชนิดจัดโชว์ทั้งต้นและดอก มีอายุการใช้งานหลายสัปดาห์ ดอกกล้วยไม้พันธุ์นี้มีลายเส้นสีขาวอ่อนๆ แฝงอยู่ในกลีบดอกและมีคอดอกสีขาว เมื่อดอกเริ่มบานจะมีสีเข้ม หลังจากดอกบานเต็มที่ทั้งช่อ สีม่วงของดอกจะสว่างขึ้น ต้นกลัวยไม้พันธุ์นี้มีขนาดกะทัดรัด ความสูงของต้นและดอกเฉลี่ยประมาณ 40-50 ซม.ออกดอกเฉลี่ยมากกว่า ครั้งต่อปี
แล็บ) เป็นผู้ผสมพันธุ์ ให้ดอกครั้งแรกเดือนมกราคม 2546  และได้รับ

ดอกกล้วยไม้ฟาแลนนอพซีส

กล้วยไม้ฟาแลนนอพซีส "พริ้นเซสจุฬาภรณ์" กล้วยไม้พระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เป็นกล้วยไม้พันธุ์ใหม่ ที่รัฐบาลศรีลังกา ทูลเกล้าฯ ถวายนาม   กล้วยไม้ฟาแลนนอฟซิส พริ้นเซสจุฬาภรณ์  (Phalaenopsis Princess Chulabhorn) กล้วยไม้ฟาแลนนอพซิส พันธุ์พระนามนี้ เป็นผลงานการผสมพันธุ์ของสวนพฤกษศาสตร์เปราเดนนิยา (Royal Botanical Garden Peradeniya )ประเทศศรีลังกา เป็นลูกผสมของPhalaenopsis Rose Miva กับ Phalaenopsis Kandy Queen  ได้น้อมเกล้าฯ ถวายกล้วยไม้พันธุ์พระนามนี้ที่สวนพฤกษศาสตร์เปราเดนนิยา เมืองแคนดี ในเดือนสิงหาคม 2542 กล้วยไม้ฟาแลนนอฟซิส พริ้นเซสจุฬาภรณ์ เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้นสูง 8-20 ซม. ใบสีเขียวเข้ม รูปรีแกมขอบขนาน กว้าง 5-ซม. ยาว 10-16 ซม.ดอกสีขาวนาล ออกเป็นช่อตามซอกใบ ก้านช่อยาว 30-45 ซม. ลักษณะกว้างกลมมน มีขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์บมีสีเหลืองตอนกลางเป็นจุดประสีเลือดหมูแต้มทั่วไปซึ่งทั้งสองชนิดล้วนเป็นสายพันธุ์ที่มีความงามอย่างโดดเด่น  รัฐบาลศรีลังกกลาง 7.5-ซม. ตอนกลางดอกเป็นสีชมพูอ่อน กลีบปากส่วนโคนสองข้างแผ่ออกเป็นปีก ตอนปลายยาวเรียวเป็นเส้น ขอ

ดอกล้วยไม้เอื้องศรีเชียงดาว

กล้วยไม้พันธุ์ "เอื้องศรีเชียงดาว" เป็นกล้วยไม้ดิน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนามให้ สามารถพบได้เฉพาะที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ สิรินโดรเนีย” (Sirindhornia) เป็นกล้วยไม้สกุลใหม่ของโลก กล้วยไม้สกุลนี้ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2002 โดย นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ดร.เฮนริค เพเดอร์เซน จากมหาวิทยาลัยโคเปนฮาเกน    ประเทศเดนมาร์ก    ร่วมกับนักพฤกษศาสตร์ไทย   ดร.ปิยเกษตร สุขสถาน   จากสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  จัดเป็นกล้วยไม้ดินกล้วยไม้ที่ค้นพบนี้ได้รับพระราชทานชื่อจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ร่วมกับองค์การสวนพฤกษศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ค้นพบกล้วยไม้สกุลใหม่ของโลกสายพันธุ์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญกล้วยไม้ของโลกโดยเทียบตัวอย่างกับกล้วยไม้ทั่วโลกกว่า 250,000 สายพันธุ์จากหอพรรณไม้โลก เป็นเวลากว่า ปี จึงพบว่าเป็นสกุลใหม่และสายพันธุ์ใหม่อย่างแท้จริง มีความแตกต่างกับกล้วยไม้ชนิดอื่นๆ มากและทั้งหมดเป็นกล้วยไม้ที่หายากในวโรกาสศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ครบรอบ 48 เอื้องศรีเชียงดาว ( Sirindhornia pulchella H.A. Pedersen & S. Indhamusika )กล้วยไม้ดิน สูง 10-25 ซม. ใบ แผ่รูปไข่กว้าง มีเส้นใบขนาน ตามยาวประมาณ 8-10 เส้น และมีจุดประสีแดงอมม่วงทั่วไป ช่อดอกสูง 10-30 ซม. มีประมาณ 4-12 ดอก ดอก สีชมพูมีประ สีชมพูเข้ม กลีบข้างเป็นสีชมพูแกมขาว แผ่คล้ายหูค่อนข้างกลม สีเขียวแกมชมพู กลีบปากมีจุดประสีแดงหรือสีออกแดงแกมชมพู ส่วนปลายแผ่เป็น พูตื้นๆ ขนาดประมาณ 10-11 มม. เส้าเกสร เป็นก้อนใหญ่ งวงน้ำหวานเป็นหลอดยาวโค้ง ขนาดยาวประมาณ11-14 มม. เป็นพืชชนิดใหม่ พบเฉพาะที่ดอยเชียงดาว ในประเทศไทย ที่ระดับความสูง 1,800-2,000 เมตร ดอกบานช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนพรรษา จึงได้มีพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sirindhornia ดังนี้

ดอกกล้วยไม้แอสโคเซนต้า

.กล้วยไม้แอสโคเซนต้า "สุคนธรัศมิ์" พระราชทานนามโดย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กล้วยไม้แอสโคเซ็นดา สุคนธรัศมิ์  (Ascocenda Sukontharat)แอสโคเซ็นดา ลูกผสมระหว่างต้นแม่พันธุ์คือ แวนด้าสามปอยขุนตาล ( Vanda denisoniana) และต้นพ่อพันธุ์คือ แอสโคเซ็นดา คุณนก (Ascocenda Khon Nok) โดยนายปริยุตต์ ยุวานนท์ (บริษัท สากล ออร์คิด) ผู้พัฒนาพันธุ์และเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ดอกมีขนาดประมาณ 1.5 นิ้วตลอดทั้งวัน  ออกดอกตลอดทั้งปีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้พระราชทานชื่อพันธุ์กล้วยไม้ ซึ่งบริษัท สากล ออร์คิด ได้ทูลเกล้าถวายเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 พระราชทานชื่อว่า สุคนธรัศมิ์” แปลว่ามีกลิ่นหอมอบอวลจรุงใจ ตามพระนาม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระราชทานชื่อเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2551 ขึ้นทะเบียนลูกผสมใหม่จากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2551 

 กลีบดอกส่วนปลายมีสีเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอมนุ่มนวล ซึ่งจะมีกลิ่นหอมมากในเวลาเช้าและหอม

ดอกกล้วยไม้หหวายพันธุ์

.กล้วยไม้หวายพันธุ์ "ชมพูนครินทร์" สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประทานนามให้ ดอกมีสีโอรส (สีขาว อมชมพู อมส้ม) ปากดอกสีชมพูแดง สวยงามและคงทน  กล้วยไม้หวาย พันธุ์ ชมพูนครินทร์”  ( Dendrobium “Pink Nagarindra” )กล้วยไม้ลูกผสมระหว่างต้นพ่อพันธุ์ บลัชชิ่ง”  (Dendrobium Blushing) และต้นเม่พันธุ์ เอริก้า”  (Dendrobium “Arica”) โดยนายสวง คุ้มวิเชียร (แอร์ออร์คิดแล็บ) เป็นผู้พัฒนาพันธุ์ ให้ดอกครั้งแรกเดือนกุมภาพันธุ์ 2546   หลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ พฤษภาคม 2550 ชื่อพันธุ์ “ชมพูนครินทร์ดอกมีสีโอโรส (สีขาว อมชมพู อมส้ม) ปากดอกเป็นสีชมพูแดง ปลายกลียดอกทั้ง เป็นสีเดียวกัน ลักษณะดอกกึ่งฟอร์มกลม มีความสวยและความทน และด้วยก้านช่อที่ไม่ยาวมาก จึงมีความเด่นที่จะเป็นกล้วยไม้ประดับชนิดจัดโชว์ทั้งต้นและดอก มีอายุการใช้งานหลายสัปดาห์ ดอกกล้วยไม้พันธุ์นี้มีเกล็ดเงินระยิบระยับอ่อนๆแฝงอยู่ในกลีบดอกเมื่อถูกสะท้อนแสงไฟ ในช่วงอากาศหนาว ดอกจะเปลี่ยนสีเป็นสีโอโรสเข้มจัดทั้งดอก ต้นกล้วยไม้พันธุ์นี้มีขนาดกะทัดรัด ความสูงของต้นและดอกเฉลี่ยประมาณ 30-40 ซม. ออกดอกเฉลี่ยมากกว่า ครั้งต่อปี 
                         และได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กร

ดอกกล้วยไม้รองเท้านารี

กล้วยไม้รองเท้านารี "พริ้นเซสสังวาลย์" กล้วยไม้พระนาม สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี รองเท้านารีพันธุ์ลูกผสม ดอกลายสีบานเย็นเข้มทั้งดอก กล้วยไม้รองเท้านารี พริ้นเซสสังวาลย์  (Paphiopedilum Princess Sangwan)รองเท้านารีลูกผสมระหว่างต้นแม่พันธุ์รองเท้านารีช่องอ่างทอง (Paphiopedilum godefroyae var. angthong) และต้นพ่อพันธุ์คือ รองเท้านารีดอยตุง (Paphiopedilum charlesworthii)โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงโครงการพัฒนาดอยตุง จ.เชียงราย เป็นผู้ผสมพันธุ์ ให้ดอกครั้งแรกเมื่อ 1ธันวาคม 2545 ดอกมีสีขาวลายบานเย็นหรือบานเย็นเข้มทั้งดอก ส่วนใหญ่จะมี ดอกต่อช่อ ขนาดประมาณ ซม. ก้านช่อดอกสูงประมาณ 10 ซม. ออกดอกเฉลี่ยประมาณปีละ ครั้งขึ้นทะเบียนลูกผสมใหม่จากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม2547กล้วยไม้รองเท้านารี สังวาลย์ซีรีเบรชั่น ปีที่ 108  ( Paphiopedilum  Sangwan Celebration 108 th)เป็นกล้วยไม้พระนามของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ฉลองวาระ
พระราชสมภพครบ รอบปีนักษัตร  รองเท้านารีลูกผสมระหว่างต้นพ่อพันธุ์ รองเท้านารีโฮลดีนิอาย  ( Paphiopedilum Holdenii )และต้นแม่พันธุ์ คือรองเท้านารีดอยตุง ต้นสังวาลย์ 1  ( Paphiopedilum charlesworthii “Sangwan NO.1″ AM/RHT ) โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงโครงการพัฒนาดอยตุง จ.เชียงราย เป็นผู้ผสมพันธุ์ ให้ดอกครั้งแรกเมื่อ สิงหาคม 2551 ดอกมีสีบานเย็นแดง กระเป๋าและกลีบข้างสัน้ำตาลแดง ส่วนใหญ่จะมี ดอกต่อช่อ ขนาดประมาณ 10 ซม. 
ก้านช่อดอกสูงประมาณ 20-30 ซม. ออกดอกเฉลี่ยประมาณปีละ ครั้งขึ้นทะเบียนลูกผสมใหม่จากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2551กล้วยไม้รองเท้านารี สังวาลย์แอนนิเวอร์ซารี่ ปีที่ 108  ( Paphiopedilum  Sangwan Anniversary 108 th)เป็นกล้วยไม้พระนามของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ฉลองวาระพระราชสมภพครบ รอบปีนักษัตร รองเท้านารีลูกผสมระหว่างต้นพ่อพันธุ์  รองเท้านารีโรซิต้า ( Paphiopedilum Rosita )และต้นแม่พันธุ์ คือรองเท้านารีดอยตุง ต้นสังวาลย์ 1 ( Paphiopedilum charlesworthii “Sangwan NO.1″ AM/RHT ) โดยมูลนิะแม่ฟ้าหลวงโครงการพัฒนาดอยตุง จังหวัดเชียงราย เป็นผู้ผสมพันธุ์ ให้ดอกครั้งแรกเมื่อ 15 สิงหาคม 25551 ดอกมีสีชมพูถึงบานเย็นแดงทั้งดอก ส่วนใหญ่จะมี ดอกต่อช่อ ขนาดประมาณ 10 ซม. ก้านช่อดอกสูงประมาณ 20-30 ซม. ออกดอกเฉลี่ยประมาณปีละ ครั้งขึ้นทะเบียนเป็นลูกผสมใหม่จากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ เมื่อวันที่ 29สิงหาคม 2551

ดอกกล้วยไม้แคทลียา

.กล้วยไม้แคทลียา ควีนสิริกิติ์ กล้วยไม้พระนาม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นกล้วยไม้ที่สวยงามมาก มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี
               แคทลียา ควีนสิริกิติ์” (Cattleya Queen Sirikhit) บุปผาราชินีเมื่อบริษัท Black & Flory Ltd. แห่งประเทศอังกฤษ ได้คิดค้นกล้วยไม้ลูกผสมระหว่างต้นแม่พันธุ์ แคทลียา โบเบลล์ (Cattleya Bow Bells) และต้นพ่อพันธุ์แคทลียา ออเบรียนเนียนา (Cattleya Obrieniana var. aba) ในปี พ.ศ. 2501 และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ ( The Royal Horticulture Society) จึงได้มีการกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย สิริกิติ์” เป็นชื่อของกล้วยไม้ลูกผสมพันธุ์นี้ว่า แคทลียา ควีนสิริกิติ์” และไ้ด้ขึ้น

                          
.กล้วยไม้แคทลียา ควีนสิริกิติ์ กล้วยไม้พระนาม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นกล้วยไม้ที่สวยงามมาก มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี
และไ้ด้ขึ้น

                          
ทะเบียนลูกผสมใหม่จากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษเมื่อวันที่ 
               แคทลียา ควีนสิริกิติ์” (Cattleya Queen Sirikhit) บุปผาราชินีเมื่อบริษัท Black & Flory Ltd. แห่งประเทศอังกฤษ ได้คิดค้นกล้วยไม้ลูกผสมระหว่างต้นแม่พันธุ์ แคทลียา โบเบลล์ (Cattleya Bow Bells) และต้นพ่อพันธุ์แคทลียา ออเบรียนเนียนา (Cattleya Obrieniana var. aba) ในปี พ.ศ. 2501 และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ ( The Royal Horticulture Society) จึงได้มีการกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย สิริกิติ์” เป็นชื่อของกล้วยไม้ลูกผสมพันธุ์นี้ว่า แคทลียา ควีนสิริกิติ์” 1 ก.พ. 2501เมื่อวันที่ สิงหาคม 2551 ซึ่งถือเป็นวันสตรีไทย ทางสภาสตรีแห่งชาติฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระราชทานดอกกล้วยไม้พระนาม แทคลียา ควีนสิริกิติ์ เพื่อใช้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันสตรีไทยลักษณะทั่วไปเป็นต้นกล้วยไม้สูง 20-40 ซม. ลำลูกกล้วยรูปทรงกระบอก ใบรูปขอบขนาน ดอกออกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 1-4 ดอก สีขาวนวล กลีบรองดอกรูปรีแกมสามเหลี่ยม กลีบดอก กลีบ มีกลีบปากแผ่กว้าง ขอบกลีบย่นเป็นคลื่น ตรงกลางกลีบมีแต้มสีเหลืองทองด้านใน เมื่อบานเต็มที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12-14 ซม. มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ฝักรูปทรงสามเหลี่ยม ออกดอกตลอดปี

ดอกกล้วยไม้หน้าลิง

อู้หู! กล้วยไม้หน้าลิงสำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพกล้วยไม้พันธ์ Monkey Orchid หรือกล้วยไม้หน้าลิง ถือเป็นกล้วยไม้พันธุ์หายากที่ไม่ได้พบเห็นกันง่าย ๆ ถิ่นกำเนิดของกล้วยไม้ชนิดนี้อยู่ในป่าดงดิบซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลกว่า 2,000 เมตร บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเอควาดอร์และเปรู
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของ Monkey Orchid ก็คือ Dracula simia โดยดอกของมันจะมีกลิ่นหอมเหมือนส้มสุก กล้วยไม้พันธ์นี้เพิ่งถูกค้นพบในปี 1978 แต่เราสามารถพบกล้วยไม้สกุลเดียวกันอีกกว่า 120 ชนิดในเอควาดอร์ ถ้าอยู่ในสภาพอากาศที่เหมาะสมคือหนาวและไม่ค่อยมีแดด Monkey Orchid จะออกดอกได้ตลอดปี

ดอกกล้ววยไม้หางกระรอก

หางกระรอกแดง มี 2 สายพันธุ์ แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักและนิยมปลูกประดับกันอย่างแพร่หลายมาช้านานคือ ชนิดที่เป็นไม้พุ่ม ต้นสูง 1-3 เมตร ใบมีขนาดใหญ่ ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ช่อดอกยาว ดอกเป็นแบบแยกเพศ ดอกตัวเมียสีแดงไม่มีกลีบดอก ปลายเกสรตัวเมียเป็นพู่สีแดงยาวคล้ายหางกระรอก จึงถูกตั้งชื่อตามลักษณะว่า หางกระรอกแดง ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดจาก หมู่เกาะเวสต์อินดิส เป็นไม้ที่ชอบความชุ่มชื้น เจริญเติบโตได้ดีในที่ร่มรำไร มีดอกให้ชื่นชมตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งและตอนกิ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ACALYPHA  HISPIDA BUMM. อยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE ชื่ออื่นๆที่ถูกเรียกในประเทศไทยคือ หางแมว (ภาคกลาง) หูปลาช่อน (ราชบุรี) เกี้ยวเกล้า, ไหมพรม (ภาคเหนือ)
ส่วน “หางกระรอกแดงเลื้อย” เป็นไม้จากต่างประเทศเช่นกัน  แต่ไม่มีบันทึกว่ามาจากประเทศอะไร ถูก นำเข้ามาปลูกประดับและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานกว่า  30  ปีแล้ว โดยในสมัยนำเข้าใหม่ๆได้รับความนิยม จากผู้ปลูกพอประมาณ แต่ไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากลักษณะสายพันธุ์เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก ผู้ ปลูกไม่รู้จะปลูกประดับอย่างไร เลยทำให้ “หางกระรอกแดงเลื้อย” หายหน้าหายตาไปจากวงการไม้ดอกไม้ประดับระยะหนึ่ง
ปัจจุบัน พบมีผู้ขยายพันธุ์ออกวางขายอยู่ โดยนำต้น “หางกระรอกแดงเลื้อย” ปลูกลงกระถางแขวน ปล่อยให้ต้นหรือเถาเลื้อยเส้นลวดที่ใช้แขวนแต่ละต้นแต่ละกระถางแตกกิ่งก้านและมีดอกดกสีสันสวยงามน่ารักมาก ซึ่งผู้ขายบอกว่า เมื่อนำ “หางกระรอกแดงเลื้อย” ปลูกลงกระถางแขวนแล้วสามารถเรียกความสนใจผู้ซื้อได้ดีในเวลานี้
หางกระรอกแดงเลื้อย เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก ต้นหรือเถาสามารถเลื้อยได้ประมาณ 0.1-1 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาหนาแน่น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ก้านใบยาว ใบเป็นรูปพัดจีน หรือรูปกลมรี ขอบจักเป็นฟันเลื่อย สีเขียวสด เวลาใบดกน่าชมยิ่งนัก
ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของดอก หรือรูปทรงของดอกเหมือนกับดอกหางกระรอกแดง ชนิดที่เป็นไม้พุ่มทุกอย่าง แต่ขนาดของดอกชนิดต้นเลื้อยจะสั้นกว่าอย่างชัดเจน เส้นผ่า ศูนย์กลางของดอกจะกว้างกว่าเล็กน้อย จะทำให้เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้น จะดูสวยงามมาก ดอกออกตลอดทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีปักชำกิ่ง มีต้นขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ  แผงตรงกันข้ามกับโครงการ 13 ราคาสอบถามกันเอง

ดอกกล้วยไม้อันชัน

 กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในวงศ์ Orchidaceae เป็นไม้ตัดดอกยอดนิยม เนื่องจากมีลักษณะดอก และสีสันลวดลายสวยงาม เป็นไม้ตัดดอกที่มีอายุการใช้งานได้นาน กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของไทย เพราะเป็นไม้ส่งออกขายต่างประเทศทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท มีการปลูกเลี้ยงอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผสมเกสร เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เลี้ยงลูกกล้วยไม้ เลี้ยงต้นกล้วยไม้จนกระทั่งให้ดอก ตัดดอกบรรจุหีบห่อ และส่งออกเอง

          แหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าที่สำคัญของโลกมี 2 แหล่งใหญ่ๆ ด้วยกันคือ ลาตินอเมริกา กับเอเชียแปซิฟิค สำหรับในลาตินอเมริกาเป็นอาณาบริเวณอเมริกากลางติดต่อกับเขตเหนือของอเมริกาใต้

           ส่วนแหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าในภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิค มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จากการค้นพบประเทศไทยมีพันธุ์กล้วยไม้ป่าเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเจริญงอกงามของกล้วยไม้มาก และกล้วยไม้ป่าที่ในพบในภูมิภาคแถบนี้มีลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง แตกต่างจากกล้วยไม้ในภูมิภาคลาตินอเมริกา

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกกล้วยไม้เอื่องสามสี

จัดเป็นไม้หายากอีกชนิดหนึ่ง ก่อนออกดอกมันจะทิ้งใบ ผมซื้อไม้นิ้วและไม้ขวดจากศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกำแพงแสน (Central lab) ซึ่งเอาไป
เลี้ยงที่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ก็งามดีและให้ดอกแรกครับ

ดอกกล้วยไม้ช้างแต้ม


 กล้วยไม้ชุดนี้ เป็นกล้วยไม้สกุลช้างลูกผสม ระหว่าง ช้างส้มสีเข้ม สายคุณกมลเชียงใหม่ ผสมกับช้างแต้มสีแปลกต้นคุณชิเนนทร นักกล้วยไม้ไทยมือเก่าแก่ของเชียงใหม่ครับช้างต้นนี้ ที่ดอกและกลีบปากเป็นแต้มปื้นใหญ่ๆสีชมพูอมม่วงอ่อน สีแต้มไม่เข้มจัดเหมือนช้างพลาย หรือช้างการ์ตูนครับ ช้างแต้มปากบลูต้นนี้เป็นแม่ไม้ลูกช้างกระ+ช้างพลายที่หลุดสีแบบนี้ออกมาเพียงต้นเดียว จากสวนคุณชิเนนทรครับ ลูกไม้ที่ได้น่าจะให้สีที่แตกต่างออกไปจากพ่อแม่ ทางสวนคาดว่าลูกไม้อาจให้สีโทนแฟนซี ซึ่งยากที่จะคาดเดา สรุปได้ว่าอาจมีโทนสีที่กลายออกมาเป็นช้างโทนสีแปลกๆได้ครับ ในขณะที่หลายสวนส่วนมากมัก จับเอาช้างสีเพียวๆเบอร์สวยมาผสมกันในสีเดียวกันเผื่อให้ลูกที่มีสีที่ไม่ต่างจากต้นพ่อแม่ครับ แต่ ลูกไม้ชุดนี้เป็นการทดลองผสมช้างแบบ แนวจินตนาการสร้างสรรค์ ผลเป็นอย่างไร ต้องลองมาพิสูจน์กันครับ 

ดอกกล้วยไม้ป่า


กล้วยไม้ (Orchid) เป็นไม้ส่ง ออกสำคัญของไทย ในโลกมี กล้วยไม้ ในธรรมชาติมากกว่า 25,000 ชนิด นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์ที่ถูกสร้างโดยมนุษย์อีกไม่น้อยกว่า 30,000 ชนิด Orchidtropical "เรา" เป็นมากกว่าร้านค้า กล้วยไม้ ออนไลน์ที่นำเสนอ กล้วยไม้ สวยงามและโดดเด่นหลากหลายสายพันธุ์ให้คุณได้เป็นเจ้าของ "เรา" มีบทความและความรู้เกี่ยวกับ กล้วยไม้ รวมทั้งเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆอีกมากมายพร้อมนำเสนอให้คุณ

ดอกกล้วยไม้ราตรี

ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย  ดอกกล้วยไม้ราตรี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cestrum Nocturnum
วงศ์ : solanaceae
ชื่อสามัญ : Night Jessamine
ชื่ออื่น ๆ : Lady of the Night ,ราตรี, หอมดึก
ราตรีเป็นดอกไม้ ที่มีกลิ่นหอมในเวลากลางคืนเมื่อมีดอกมันจะส่งกลิ่นไปไกล กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป มีกลิ่นเย็นเรื่อย ๆ ทำให้ได้อีกชื่อหนึ่งว่า หอมดึก ส่วนมากนิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้านเรือน มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะอินดี

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกกล้วยไม้เอื้องสายหลวง

    ดอกกล้วยไม้เอื้องสายหลวง

ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrobium anosmum Lindl.

       ชื่อพ้อง: Dendrobium superbum Rchb.f., Dendrobium macrophyllum Lindl.   

ชื่อพื้นเมือง: เอื้องสายหลวง,เอื้องสาย

   ลักษณะทั่วไป:

ต้น เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยลำลูกกล้วยคล้ายแท่งดินสอกลมห้อยลง ยาวประมาณ 80 – 150 เซนติเมตร แตกหน่อเจริญเติบโตทางด้านข้าง

ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียวบางรูปรีแกมขอบขนานปลายใบแหลม ใบกว้าง 2 ซม. ยาว 8-10 ซม ใบออกเรียงสลับตามข้อต้น

ดอก ออกดอกเดี่ยวตามข้อต้น 1-2 ดอก กลีบดอกเป็นสีม่วงเข้ม กลีบปาก/หลอดยาว เป็นสีม่วงเข็ม ริมปากมีขน ขนาดดอกประมาณ 6-10 ซม.

ราก เป็นแบบรากกึ่งอากาศ (semi-epiphytic)

เมล็ด กุมภาพันธ์ ถึงเมษายนของทุกปี
การปลูก: นิยมปลูกลงในกระถางกล้วยไม้ ใช้วัสดุปลูกกาบมะพร้าวแห้งหรือรากของกระเช้าสีดา รากของเฟินหัสดำ ถ่านไม้ หรือเกาะติดแก่นไม้ บำรุงปุ๋ยกล้วยไม้ฉีดพ่นอาทิตย์ละครั้ง

การดูแลรักษา: ควรให้อยู่ในที่โล่งลมพัดผ่านได้ดี ใช้ซาแลนพรางแสงประมาณ 40-50 %  

ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอก

การใช้ประโยชน์: ไม้ประดับปลูกติดต้นไม้ใหญ่ๆ

ถิ่นกำเนิด: ไทย ประเทศแถบอินโดจีน ฟิลิปปินส์ ศรีลักา และมาเลเซีย

แหล่งที่พบ: ป่าดิบในภาคใต้

ดอกกล้วยไม้ ช้างกระ

ดอกกล้วยไม้ช้างกระ  
มีดอกกล้วยไม้ช้างกระมาแนะนำเพื่อนๆ ที่อยากเลี้ยงกล้วยไม้ช้างกระ จริงๆ แล้วกล้วยไม้ชนิดนี้เป็นกล้วยไม้ป่า ถ้าเป็นชาวบ้านเข้าจะเรียกกล้วยไม้ช้างกระเป็นภาษาพื้นเมืองว่า "เอื้องต๊กโต" แต่เพื่อนๆ คงจะคุ้นกับชื่อกล้วยไม้ช้างกระกันมากกว่า ถ้าใครที่ชอบกล้วยไม้หรือคิดว่าจะเลี้ยงกล้วยไม้พันธุ์นี้ก็ตามช้างกระเป็นกล้วยไม้ป่า ใบจะมีลักษณะเป็นใบหน้าและก็แข็ง ความยาวจะประมาณ 25 - 30 เซนติเมตร ส่วนความกว้างนั้นจะอยูประมาณ 5-7 เซนติเมตร ใบจะเรียงกันขึ้นไปเป็นแนว ซึ่งดูแล้วก็เป็นเสน่ห์ของกล้วยไม้ช้างกระ
    ข้อมูลกล้วยไม้ช้างกระ
รากของกล้วยไม้ช้างกระจะเป็นรากอากาศ และรากยังมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับต้น ถ้าเราเลี้ยงดีและอุดมสมบูรณ์รากก็จะมีสีเขียวอยู่ตรงปลายรากด้วย ดอกของกล้วยไม้ช้างกระจะออกเป็นช่อและโค้งนิดหน่อย

          ดูแลกล้วยไม้ช้างกระ
เนื่องจากว่ากล้วยไม้ช้างกระเป็นกล้วยไม้ป่า ดังนั้นเราไม่ควรรดน้ำต้นไม้ให้มากจนเกินไป นอกจากดอกจะไม่ค่อยออกแล้วอาจจะทำให้กล้วยไม้เป็นเชื้อราอีกด้วย และควรรดน้ำกล้วยไม้ช้างกระนี้ประมาณช่วง 10.00 น. เพราะว่าช่วงนี้มีแสงแดดทำให้กล้วยไม้ไม่เป็นเชื้อรา
ก็เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ "กล้วยไม้ช้างกระ" ที่เพื่อนๆ ควรจะรู้ก่อนการเลี้ยงนะ การเลี้ยงกล้วยไม้นั้นคุณจะภาคภูมิใจมากถ้ากล้วยไม้ของคุณออกดอก ยิ่งดกก็ยิ่งดี

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ดอกกล้วยไม้เอื้องผึ้ง

 
สีเหลือง เอื้องผึ้ง
 จะมาแนะนำกล้วยไม้ป่าที่เป็นที่นิยมนำมาปลูกกัน นั้นคือ เอื้องผึ้ง ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่มีดอกสวยถึงแม้จะเป็นดอกขนาดเล็กแต่ชวนมองเป็นอย่างมาก กล้วยไม้เอื้องผึ้ง เป็นกล้วยไม้ขนาดเล็กอยู่ในเขตร้อน เช่นในอินเดีย, ไทย, จีน, ลาว และกัมพูชา ที่ระดับความสูง 650 - 1,300 เมตร
พันธุ์กล้วยไม้ใน
  • กล้วยไม้เอื้องผึ้ง เป็นกล้วยไม้แบบอิงอาศัย ใบ ของกล้วยไม้เอื้องผึ้ง จะเป็นใบที่เกิดจากปลายยอดแต่ละต้นมีเพียงหนึ่งใบเท่านั้น แผ่นใบเป็นรูปรีและลักษณะของใบจะหนาแข็ง ขนาดความยาวของใบประมาณ 7 -12 เซนติเมตร และมีความกว้างของใบอยู่ประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร

    • สำหรับ ดอก ของกล้วยไม้เอื้องผึ้งนั้น จะออกดอกเป็นช่อยาว แล้วในหนึ่งช่อนั้นก็จะประกอบไปด้วยดอกย่อยสีเหลืองอีกหลายดอก ลักษณะของดอกก็จะเป็นดอกกลีบปากกว้าง ปลายดอกผายออกกว้าง ขนาดดอกประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

    ถ้าเพื่อนๆ อยากชมดอกของกแนะนำให้ดูช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ดอกเอื้องผึ้งดูสวยและมีสีสดเป็นอย่างมาก ถ้าเพื่อนๆ ชอบกล้วยไม้พันธุ์นี้ก็ลองหามาปลูกกันดูนะ

    ล้วยไม้เอื้องผึ้ง